วางแผนการเงินฉบับคนโสด

ในช่วงชีวิตของคน คงหนีไม่พ้นสัจธรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย เมื่อครั้งเกิดมามีผู้อุปการะ คือ บิดามารดาเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ดูแลค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่ากิน ค่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล พอเรียนจบมีงานทำ มีรายได้เป็นของตนเองก็ถึงเวลาที่บุตรหลานจะเลี้ยงดูท่าน แต่หากท่านได้เตรียมพร้อมเกษียณไว้เป็นอย่างดีก็ไม่ต้องพึ่งพาค่าเลี้ยงดูจากบุตรหลาน

สำหรับวัยเกษียณที่มีบุตรหลานคอยเลี้ยงดูคงไม่มีปัญหา แต่สำหรับผู้ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะครองความโสดไปตลอดชีวิต อาจต้องพิจารณาการบริหารความเสี่ยงมากขึ้นในแต่ละประเด็นดังนี้

1. ช่วงชีวิตไม่ยืนยาว

  • 1.1 แบบไม่ยืดเยื้อ ระยะเวลาไม่ยาวนานก็เสียชีวิต เช่น จากอุบัติเหตุ จากโรคแบบเฉียบพลัน
  • 1.2 ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง กับคำนิยามเพื่อให้กระจ่างในการบริหารความเสี่ยงด้านนี้ คือ
ไม่สามารถ ปฎิบัติกิจวัตรประจำวัน 3 ใน 6 อย่างอย่างน้อย 180 วันไม่สามารถทำงาน รับค่าตอบแทนสูญเสียหรือการทุพพลภาพ จากบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย
1. ความสามารถในการเคลื่อนย้าย
2. ความสามารถในการเดินหรือเคลื่อนที่
3. ความสามารถในการแต่งกาย
4. ความสามารถในการอาบน้ำชำระร่างกาย
5. ความสามารถในการรับประทานอาหาร
6. ความสามารถในการขับถ่าย
 1. สูญเสียสายตาทั้ง 2 ข้าง
2. สูญเสียมือ 2 ข้าง หรือเท้า 2 ข้าง หรือมือ 1 ข้างและเท้า 1 ข้าง
3. สูญเสียสายตา 1 ข้างและสูญเสียมือ 1 ข้าง หรือสูญเสียสายตา 1 ข้างและเท้า 1 ข้าง

เรื่องชวนให้คิด : กระทบมากกว่าการจากไป คือ การที่ผู้มีรายได้ที่เคยอุปการะครอบครัวไม่สามารถทำงานหารายได้ ซ้ำยังเป็นภาระให้ครอบครัวดูแล

  • 1.3 โรคร้ายแรง โรคร้ายแรง คือ โรคที่ใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อสิ้นกระบวนการรักษาในโรงพยาบาลกระทบต่อการใช้ชีวิตซึ่งไม่กลับมาเหมือนเดิม หมายถึงรายจ่ายสูงระหว่างการรักษา รายได้ที่หายไประหว่างการรักษาและหลังการรักษา

คำนิยามเพื่อให้กระจ่างในการบริหารความเสี่ยงด้านนี้คือ

กลุ่มโรคร้ายแรงโรคร้ายแรง อาทิเช่น
1. กลุ่มโรคมะเร็งและเนื้องอกโรคมะเร็งระยะลุกลามและเนื้องอกในสมองชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง
2. กลุ่มโรคหัวใจระบบการหายใจและระบบการไหลเวียนโลหิตกล้ามเนื้อหัวใจ เส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ เส้นเลือดแดงใหญ่ แรงดันในหลอดเลือดแดง หลอดลมปอดอุดกั้น โลหิตจางจากไขกระดูกไม่สร้างเลือด
3. กลุ่มโรคหลอดเลือดสมอง ระบบประสาทและกล้ามเนื้อหลอดเลือดสมองแตก อุดตัน โป่งพอง สมองเสื่อชนิดอัลไซเมอร์ สมองอักเสบจากไวรัส เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย พาร์กินสัน อัมพาตของกล้ามเนื้อแขนขา โปลิโอ กล้ามเนื้อเสื่อม
4. กลุ่มโรคอวัยวะและระบบการทำงานที่สำคัญของร่างกายตับวาย ไตวายเรื้อรัง ลำไส้อักเสบเป็นแผลรุนแรง ผ่าเปลี่ยนอวัยวะ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ชนิดรุนแรง
5. กลุ่มโรคภาวะติดเชื้อการบาดเจ็บรุนแรงและภาวะทุพพลภาพแผลไหม้ฉกรรจ์ระดับ 3 บาดเจ็บศีรษะรุนแรง ตาบอด ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง

เรื่องชวนให้คิด : ลองจินตนาการถ้าเป็นโรคมะเร็ง การรักษามักใช้คีโมบำบัดซึ่งมีการลางาน หลังคีโมร่างกายจะอ่อนแอต้องระวังการติดเชื้อจึงไม่สามารถกลับไปทำงานได้ปกติ กระทบต่อการทำงาน กระทบต่อรายได้ กระทบรายจ่าย หลังเสร็จสิ้นกระบวนการรักษา ต้องปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ รายได้มักลดลงหรือไม่มีเลย

2. ช่วงชีวิตที่ยืนยาว

  • 2.1 เกษียณ
    เกษียณ คือ การหมดอายุการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นสังขารไม่เอื้ออำนวย ข้อกำหนดบริษัทของอายุพนักงานเกษียณอายุการทำงาน มีคลื่นลูกใหม่ทดแทนคลื่นลูกเก่า

เรื่องชวนให้คิด : เมื่อรายได้หยุด แต่รายจ่ายไม่หยุด แหล่งเงินใช้ยามเกษียณจะมาจากแหล่งใด

  • 2.2 เจ็บป่วย
    ในวัยเกษียณ ร่างกายเสื่อมถอย ไม่ว่าจะเป็นข้อเข่าเสื่อม สายตาพร่ามัว เป็นต้อกระจก สมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์ ซึ่งการคงคุณภาพชีวิตที่ดีไว้ในยามร่างกายเสื่อมถอยต้องใช้เงินทั้งสิ้น

เรื่องชวนให้คิด : หลังเกษียณ กรณีเจ็บป่วยโรคทั่วไป เจ็บป่วยเรื้อรัง เจ็บป่วยโรคร้ายแรงจะรักษาที่ไหน ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะมาจากแหล่งใด การคิดล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นทำให้เราสามารถรับมือได้ดี ไม่ตระหนกกรณีเกิดขึ้นจริง จึงขอเชิญชวนให้คิดเรื่องต่าง ๆ

การบริหารความเสี่ยงแบบครอบคลุม
1. ช่วงชีวิตไม่ยืนยาว

  • 1.1 เสียชีวิต
ค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัว ให้บิดามารดา240,000บาทต่อปี
ระยะเวลาคุ้มครอง (อายุขัยของบิดามารดา – อายุปัจจุบัน)20ปี
เงินเฟ้อเพื่อรักษาคุณภาพชีวิตด้วยกำลังจ่ายที่เท่าเดิม3%
ผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุน3%
ความคุ้มครองที่ควรมีกรณีจากไป (1)4,800,000บาท
หัก ทรัพย์สินที่มีอยู่และเงินชดเชย
1. สินทรัพย์มูลค่าปัจจุบัน
2. ประกันชีวิตที่มีอยู่
3. เงินชดเชยประกันสังคมกรณีเสียชีวิต
รวมสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน (2)

1,000,000
700,000
90,000
1,790,000

บาท
บาท
บาท
บาท
จำนวนเงินทุนประกันที่ควรทำเพิ่ม (1) – (2)3,010,000บาท
  • 1.2 ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
    ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงต่างกับกรณีจากไปตรงที่ว่า เราไม่มีรายได้แต่ยังคงต้องเลี้ยงดูผู้อุปการะและมีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่ารักษาพยาบาลอีกด้วย
ความคุ้มครองที่ควรมีกรณีจากไป (ไม่มีรายได้แล้ว) (1)4,800,000บาท
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวกรณีทุพพลภาพ
ค่าจ้างผู้ดูแล
ค่ารักษาพยาบาล
รวมค่าใช้จ่ายกรณีทุพพลภาพ
60,000
180,000
60,000
300,000
บาทต่อปี
บาทต่อปี
บาทต่อปี
บาทต่อปี
ระยะเวลาที่ต้องการความคุ้มครอง (คาดอายุขัย – อายุปัจจุบัน)40ปี
เงินเฟ้อเพื่อรักษาคุณภาพชีวิตด้วยกำลังจ่ายที่เท่าเดิม3%
ผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุน3%
ความคุ้มครองที่ควรมีเฉพาะทุพพลภาพ (3)12,000,000บาท
ความคุ้มครองกรณีทุพพลภาพที่ควรมี (1) + (3) /td>16,800,000บาท
หัก ทรัพย์สินที่มีอยู่และเงินชดเชย
1. สินทรัพย์มูลค่าปัจจุบัน
2. ประกันทุพพลภาพที่มีอยู่
3. เงินประกันสังคมกรณีทุพพลภาพ (คำนวณเป็นมูลค่าปัจจุบัน)
รวมสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน (2)

1,000,000
2,000,000
2,080,329
4,080,329

บาท
บาท
บาท
บาท
จำนวนความคุ้มครองทุพพลภาพที่ควรทำเพิ่ม (1) + (3) – (2)12,719,671บาท
  • 1.3 โรคร้ายแรง
    การบริหารความเสี่ยงกรณีโรคร้ายแรงจะประเมินตามการคาดการณ์ ความเป็นไปได้ของโรคร้ายแรงที่อาจอุบัติขึ้นเนื่องจากสภาพแวดล้อม กรรมพันธุ์ ซึ่งทั่วไปมักจะเป็นโรคมะเร็ง และไม่สามารถกลับมาทำงานได้อีกแล้ว
  • การคำนวณความคุ้มครองดังนี้
    1. ความคุ้มครองเสมือนเสียชีวิต (ไว้ดูแลผู้อยู่ในอุปการะ)
    2. หนี้สินคงค้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หนี้คงค้างบ้าน หนี้คงค้างรถ ควรปลดให้หมด 3. ค่ารักษาพยาบาลที่สูงกว่าค่ารักษาทั่วไป เตรียมไว้ 3,000,000 บาท 4. กรณีทำงานไม่ได้แล้วหลังการรักษา ให้คำนวณเช่นเดียวกับในกรณีทุพพลภาพ

2. ช่วงชีวิตที่ยืนยาว

  • 2.1 เกษียณ
    การบริหารความเสี่ยงกรณีอายุยืนและมีเงินใช้ตลอดหลังเกษียณควรทราบข้อมูลดังนี้
  • 1. เงินที่จะใช้สำหรับกินอยู่ในมูลค่าปัจจุบันเดือนละเท่าไร
    2. อายุที่จะเกษียณและอายุขัย

กรณีตัวอย่างคือ อายุปัจจุบัน 41 ปี จะเกษียณอายุ 60 ปี อายุขัย 85 ปี ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเดือนละ 15,000 บาท ปัจจุบันยังไม่มีการลงทุนสำหรับเกษียณเลย ดังผลตอบแทนคาดหวัง 6% ต้องลงทุนเดือนละ 40,000 บาท

  • 2.2 เจ็บป่วย
    การบริหารความเสี่ยงกรณีอายุยืนซึ่งคงหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยไม่ได้ ปัจจัยที่ควรคำนวณมีดังนี้

    1. เบี้ยประกันสุขภาพหลังเกษียณที่ต้องชำระแต่ละปีเท่าไร ควรตั้งแหล่งเงินเพื่อการชำระเบี้ยประกันสุขภาพดังกล่าว
    2. กองทุนสำหรับจ่ายค่ารักษาหลังประกันสุขภาพหมดความคุ้มครองก็เช่นกัน

คนโสดต่างตรงไม่มีบุตรและคู่สมรส แต่ยังมีตนเองและบิดามารดาให้ดูแล กรณีที่ช่วงชีวิตไม่ยืนยาวควรเตรียมความพร้อมใน การจากไป ทุพพลภาพ หรือ เป็นโรคร้ายแรง ซึ่งทำให้ตนเองและบิดามารดาได้รับผลกระทบด้านความเป็นอยู่ หรือในกรณีที่ช่วงชีวิตยืนยาวก็ควรเตรียมความพร้อมเงินใช้ยามเกษียณไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีพ ค่ารักษาพยาบาลโรคทั่วไป โรคเรื้อรังรวมถึง โรคร้ายแรง อยู่แบบโสดๆ ชีวิตก็เกษมได้เมื่อเตรียมความพร้อมครอบคลุมความเสี่ยงทุกด้านไว้เรียบร้อยแล้ว

Credit :สมาคมนักวางแผนการเงินไทย